สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน กว่าจะว่างมาเขียนรีวิว เล่นเอาผ่านเวลาไปเนิ่นนานพอสมควร เราขอเรียกกระทู้นี้ว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ การเดินทางไปท่องเที่ยวฮ่องกงครั้งแรกด้วยตัวเอง กับเพื่อน ๆ โดย Airasia ได้ปล่อยตั๋ว Promotion เพื่อนจองตั๋วก่อน แล้วมาถามเราไอเราก็อยากไปเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว ก็เลยรีบกดจองตามไป ได้ตั๋วมาในราคา ไป-กลับ กรุงเทพฯ – มาเก๊า 3400 บาท/คน
จากนั้นเราได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ก็เริ่มหาที่พัก เราทำการจองที่พักผ่าน booking.com เลือกที่พัก Homy Inn ซึ่งดูรีวิวจากเพื่อนใน pantip ว่าที่พัก Ok ราคาไม่แพง ซึ่งได้มาในราคา 5860 บาท /2 คน
จากนั้นหาที่พักเสร็จหาข้อมูลและถึงเวลาเดินทาง
>> ท่าเรือ HK China Ferry Terminal ท่าเรือนี้จะอยู่ในตัวเมืองมาเก๊าห่างจากสนามบิน จะเป็นของบริษัท Turbojet
http://www.turbojet.com.hk/en/routing-sailing-schedule/hong-kong-macau/sailing-schedule-fares.aspx
>> ท่าเรือ HK Macau Ferry Terminal (ท่าเรือนี้จะอยู่ใกล้ๆสนามบิน หรืออยู่ Taipa นั่นเอง จะเป็นของบริษัท Cotai Jet
http://www.cotaiwaterjet.com/ferry-schedule/hongkong-macau-taipa.html
บรรยากาศภายในเรือ ระหว่างนั่งเรือ เราก็เปลี่ยน SIM มือถือเพื่อไม่ให้เสียเวลา
http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=34214.0
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. เราก็เดินทางมาถึง ฮ่องกง จากนั้นเมื่อมาถึง ฮ่องกงแล้ว เราก็มาเขียนใบ ตม. เพื่อผ่าน ตรวจคนเข้าเมือง แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพื่อนที่เดินทางไปด้วยกัน โดนตม.เรียกเข้าไปในห้องเย็น แต่เมื่อเค้าสอบถามเพื่อนเสร็จก็อนุญาตให้เข้าได้เพราะมาเที่ยวไม่ได้มีปัญหาอะรัย ใช้เวลาผ่านตม.รวมรอเพื่อนอีกประมาณ 1 ชม. ซึ่งเป็นเวลาเกือบตี 1 แล้ว เราเลยเลือกใช้วิธีการเรียก taxi เข้าที่พัก
> Homy Inn : Flat C, 8/F, Union Mansion, 33-35 Chatham Road South Tsim Sha Tsui Hong Kong
ลิฟต์มี 4 ตัว สำหรับ Homy Inn ใช้ได้ 2 ตัว จะแบ่งเป็นชั้นคู่ กับชั้นคี่ รอลิฟต์ไม่นาน คนไม่เยอะ Check In ได้ที่ชั้น 8
บรรยากาศที่พักค่อยข้างแคบ แต่ reception ใจดีมากเป็นคุณป้า checkin เสร็จ ป้าแกก็เดินมาเปิดห้องให้โดยห้องที่เราพักอยู่อีกตึกกับ reception ห้องพักโดยรวม OK เลยแต่แคบไปนิดนึง จบวันที่ 1 แล้ว อาบน้ำนอนเตรียมตัวลุยต่อวันที่ 2
Day 2 08 Dec 2016 [Hung Lee – Ngong Ping – City gate outlet – Che Kung Temple – The Peak]
เปิดประเดิมเช้าวันที่สองด้วยการ กินโจ๊กฮ่องกงชื่อดัง ร้าน Hung Lee Restaurant ร้านโจ๊กชื่อดังในย่าน tsim sha tsui ใครที่มาฮ่องกงต้องมาลอง
⌂ MTR: tsim sha tsui ทางออก B2
⌛ เปิดบริการ : 8:00 – 22:00
มาถึงร้านคนเยอะเหมือนกันใช้เวลายืนรอประมาณ 30 นาทีกว่าจะได้โต๊ะนั่ง
โจ๊กค่อนข้างเนื้อเนียน ปาท่องโก๋ ก็กินแล้วรสชาติอร่อยดีแต่ไม่ถึงกับ WOW แต่ ก๋วยเตี๊ยวหลอดอร่อยต้องลอง
หลังจากที่กินโจ๊กอิ่มแล้ว เริ่มออกเดินทางต่อ จากร้านโจ๊กไม่ไกลกลับรถไฟใต้ดิน (MRT)
เราเดินลงมาในสถานี tsim sha tsui เดินหาตู้ที่มีพนังงานจำหน่ายบัตร เราเลือกที่จะใช้บัตร one day pass หรือ เรียกว่าบัตร Tourist Day Pass สงนราคา 55 HKD บัตรจะมีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมง หลังจากแตะบัตรครั้งแรก สามารถใช้เดินทางด้วย MRT ได้ทุกสายทั่ว Hongkong
แผนที่ MRT http://www.holidaythai.com/hong_kong_map_detail_17.htm
จากนั้นเราก็เดินทางไป สถานี Tung Chung โดยนั่งสายสีแดง tsim sha tsui แล้วไปเปลี่ยนสาย ที่สถานี Centrel เป็นสายสีส้ม เพื่อไปลงสถานี Tung Chung เพื่อไหว้พระใหญ่เกาะลันเตา – นั่งกระเช้า Ngong Ping 360
>พระใหญ่นอนปิง Ngong Ping สถานี Tung Chung Exit B เดินทางมาถึงสถานี Tung Chung ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของสายสีส้ม เดินขึ้นมาเราจะเจอกับ Citygate Outlet เราจะไปขึ้นกระเช้าก่อนแล้วลงมาเที่ยว Outlet กัน
ระหว่างทางเราก็เก็บภาพบรรยากาศข้างทางที่ MRT ผ่าน
ถึงแล้ว กระเช้า Ngong Ping 360 แต่พวกเราได้ทำการบ้านโดยการซื้อตั๋วมาล่วงหน้าแล้ว คนค่อนข้างเยอะพอสมควรรอคิวแลกตั๋วนานราว 30 นาที แล้วก็ได้ตั๋วมา จากนั้น เดินเช้าไปรอนึ้นกระเช้า เนื่องจากเรามาถึงช่วงสาย ๆ ทำให้เจอกับมวลมหาประชาชน ทั้งทัวร์ไทย จีน มาเล เยอะแยะเต็มไปหมด ทำให้ต้องรอขึ้นกะเช้าเกือบชั่วโมง กระเช้าที่เราจองมา เราจองแบบพื้นใสทั้งขาไปและขากลับ ราคา 1690 บาท/คน
ได้บัตรมาแล้ว ต่อแถวรอขึ้นกระเช้ากัน
ได้ขึ้นแล้ว พร้อมกับถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ ทางขึ้นเขาไปพระใหญ่
เดิมทีอารามโป๋หลินเป็นเพียงอารามที่อยู่ห่างไกล และหลบลี้ผู้คนด้วยทัศนียภาพที่เป็นป่าและภูเขา แต่อารามนี้ได้มีชื่อเสียงและปรากฏอยู่บนแผนที่โลกเมื่อมีการสร้างพระพุทธรูปเทียนถานที่มีความพิเศษ (มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่าพระใหญ่) ในปี 1993 พระพุทธรูปสำริดอันสง่างามนี้มีความสูง 34 เมตรและหันพระพักตร์ไปทางเหนือเพื่อเฝ้าดูชาวจีน เป็นที่ดึงดูดพุทธศาสนิกชนจากทั่วทั้งเอเชีย
กิริยาต่างๆ ขององค์พระ ได้แก่ พระเนตร พระโอษฐ์ การเอียงพระเศียร และพระหัตถ์ขวายกขึ้นให้พรแก่คนทั่วไป ได้ทำให้องค์พระใหญ่มีลักษณะอ่อนโยนและสง่างามอย่างลุ่มลึก โดยต้องใช้เวลาการก่อสร้างถึง 12 ปี หากคุณอยากจะสำรวจพระพุทธรูปที่โดดเด่นนี้อย่างใกล้ชิดขึ้น ให้ขึ้นบันไดไปอีก 268 ขั้น และยังจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของทิวเขาและทะเลจากบริเวณฐานขององค์พระด้วย
องค์พระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางเหนือสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ประดิษฐานอยู่โดยมีความสูง 26.4 เมตร บนฐานดอกบัว หากนับรวมฐานแล้วมีความสูงทั้งสิ้น 34 เมตร ค่าก่อสร้างพระพุทธรูป 60 ล้านเหรียญฮ่องกง
ตรงข้ามพระพุทธรูป เป็นที่ตั้งของอารามโป๋หลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของชาวพุทธที่สำคัญที่สุดของฮ่องกง และถูกเรียกว่าเป็น “โลกของพุทธศาสนิกชนในตอนใต้” เป็นสถานที่จำวัดของพระสงฆ์ที่เคร่งครัด อารามแห่งนี้เต็มไปด้วยภาพของเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่มีสีสันสวยงาม และรื่นรมย์ด้วยเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้ในสวน คุณยังสามารถกระตุ้นความอยากอาหารได้ที่ร้านอาหารมังสวิรัติที่เป็นที่นิยมในอารามด้วย
เดินเล่น ไหว้พระถ่ายรูป ดูของ ไปสักพัก ก็ 13.00 น. แล้ว ถึงเวลาลงข้างล่าง ไปหาอาหารเที่ยวรับประทานที่ citygate outlet
ลงมาถึงเราก็หาอาหารเที่ยงกันเลย เดินหากันพักใหญ่ เจอร้านนี้คนจีนนั่งเยอะ เลยจัดไป
จำไม่ได้วาเรียกว่าอะรัย แต่หน้าตาอาหารให้ 10/10 ไปเลย รสชาติหรอ เหมือนข้าวขาหมูบ้านเราแล้วมีหมูทอดด้วย ให้รสชาติ 8/10 จากนั้นกินอิ่มแล้ว เดิน shopping แต่ไม่ได้อะรัย เพราะเป็นรุ่นเก่าๆที่เอามารดราคา เลยไม่ได้อะรัย จากนั้น เราก็ไปต่อกัน
เดินทางไป วัดกังหัน หรือ วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) จาก สถานี Tung Chung เราเดินทางกลับไปที่ สถานี tsim sha tsui เหมือนเดิม แต่ไปเปลี่ยนเป็นสาย East tsim sha tsui สายสีฟ้า แล้วไปลงสถานี Tai Wai ออกจากสถานี ทางออก B เดินไปนิดเดียวข้ามถนนโดยลอดใต้ถนนก็จะถึงวัดแชกงหมิว
วัดแชกง – Che Kung Temple หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดกังหันลม” ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี MTR Tai Wai เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน สร้างมาตั้งแต่ 300 ปีก่อน ตามตำนานเล่ากันว่าได้มีโจรสลัดต้องการที่จะมาปล้นชาวบ้าน เมื่อนายพลแชกงรู้เข้าก็ได้บอกให้ชาวบ้านพับกังหันลมแล้วนำไปติดไว้ที่หน้าบ้าน ปรากฎว่าโจรสลัดได้จากไปและไม่ได้ทำการปล้น ชาวบ้านจึงมีความเชื่อว่ากังหันลมนั้นช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะเข้ามา และนำพาสิ่งดีๆมาสู่ตน จึงได้สร้างวัดแชกงแห่งนี้ชึ้น เพื่อระลึกถึงนายพลแชกง และเป็นที่สักการะบูชาเพื่อไม่ให้มีสิ่งไม่ได้เกิดขึ้น
⌂ MTR : Tai Wai ทางออก B
⌛ เปิดบริการ 7.00 – 18.00 ทุกวัน (ฟรี)
เมื่อเดินเข้าไปที่วัด จะมีกังหัน 4 ใบพัด แต่ละใบหมายถึง เดินทางปลอดภัย, สุขภาพแข็งแรง, โชคลาภ และเงินทอง เชื่อกันว่าหากหมุนครบ 3 รอบและตีกลอง 3 ครั้ง จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป และนำพาสิ่งดีๆเข้ามา และที่ด้านในอาหารหลักของวัดจะมีรูปปั้นนายพลแชกงสีทอง ตั้งอยู่ตรงกลางห้องโถง สามารถกราบไหว้ขอพรกับท่านได้เช่นกัน
หมุนกังหัน ที่ตั้งอยู่ข้างๆ รูปปั่นของท่าน แชกงหมิว โดยใช้ นิ้วชี หมุนกังหันตามเข็มนาฬิกา จะหมุน 1 รอบ หรือ 3 รอบ ก็แล้วแต่สะดวก หลักการคือให้กังหันพัดเอาสิ่งไม่ดีออกจากตัวเรา แ้ล้วพัดเอาแต่สิ่งดีๆ เข้ามา จากนั้นเดินไปตีกล่อง อีก 3 ครั้ง ดัง ๆ เพื่อให้พรนั้นสมประสงค์ และเป็นที่รับรู้ทั่วกันทั้งฟ้าดิน
หลังจากที่เราไหว้พระเสร็จ ยังพอมีเวลา เราคิดกันว่าควรไป The Peak จากสถานี Tai Wai เราจะไป สถานี Central ทางออก A จากนั้น ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม เดินไปทางซ้าย จะมีทางลงไปใต้ตึก เป็นที่จอดรถเมล์สาย 15C นั่งไปจนสุดสาย ที่ Peak Tram
ใช้เวลานานพอสมควร เราก็หลับเอาแรงบนรถ มาถึง The peak ก็มืดแล้ว ไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันเถอะ
ดื่มดั่มกับบรรยากาศเสร็จแล้ว เราก็ลงจาก The Peak
หลังจากเสร็จจาก the peak เราก็กลับที่พักแต่แวะกิน Shushi ก่อนกลับที่พัก
เดิน ๆ อยู่ไม่รู้จะกินอะรัย เจอร้าน ร้าน genki sushi (ป้ายเหลือง) อยู่ใกล้ที่พักก็เลยจัดไป
รสชาติดีราคาสมเหตุสมผล ให้ 9/10 ไปเลย
กินอิ่มแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อน พบกันใหม่สันที่3 Good night zzZ
มาต่อกันเลยจ้า
Day 3 09 Dec 2016 [Sun Hing Dim sum – Wong Tai Sin – Chi Lin Nunnery – Nan Lian Garden – Mong Kok]
ตื่นมาพร้อมกับความหิววันนี้เรารู้สึกว่าเราน่าจะออกช้าหน่อยเพราะเราเจอกับ salary man เยอะเลย ใน MRT
ระหว่างทางเดินไปร้านติ่มซำ เจอร้านเกร๋มากมาย เราเลยถ่ายเก็บไว้ เมืองฮ่องกงเป็นเมืองที่มีร้านเก๋ เยอะ โดยเราชอบที่เค้าบริการพื้นที่ที่มีอย่างจำกัดได้เกิดประโยชน์อันสูงสุด ซึ่งเค้าบริหารจัดการได้ดี
ถึงแล้วร้านติ่มซำ Sun Hing
ร้านติ่มซำ Sun Hing เป็นร้านติ่มซำแบบ local ที่มีชื่อเสียงอีกร้านหนึ่งของฮ่องกง เป็นร้านที่เปิดตั้งแต่ ตี 3 จนถึง 4 โมงเย็นของทุกวัน ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Kenedy Town Station เป็นร้านติ่มซำแบบบ้าน ๆ ลักษณะเป็นตึกแถวห้องเดียว
ที่มีเมนูติ่มซำหลากหลายแบบ รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ทำให้คนท้องถิ่นนิยมไปกินกันรวมทั้งดารานักร้องคนดังหลายคนของฮ่องกงด้วย บรรยากาศภายในร้านไม่มีการตกแต่งอะไรมากนัก มีครัวอยู่ที่ด้านหลัง เค้าเตอร์จ่ายเงินอยู่ด้านหน้า ภายในร้านค่อนข้างจะวุ่นวาย เพราะร้านแคบแต่คนเยอะมาก ส่วนใหญ่มักจะต้องมารอคิว แต่ก็มักจะรอไม่นานเพราะเป็นร้านแบบมาเพื่อกินอย่างเดียว กินเสร็จก็ไป ไม่ค่อยนั่งแช่กันเท่าไหร่
และภายในร้านไม่มีภาษาอังกฤษเลย พนักงานก็เป็นป้าที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเช่นกัน อีกทั้งวิธีการสั่งอาหารทานก็ยังท้าทายอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนเมนูที่สั่งทานกันก็อร่อยทุกเมนูเลย โดยเมนูที่นิยมที่สุดคือ ซาลาเปาลาวา ที่รีวิวหลายค่ายถึงกับยกให้เป็น The best of Hong Kong กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็จะมี ฮะเก๋า, บ๊ะจ่างห่อไข่, เกี้ยวกุ้งทอด และอื่น ๆ อีกหลายเมนู
ตีนไก่อร่อยเว่อ
ซึ่งวิธีการสั่งของพวกเราคือมีพี่ที่ไปด้วยเค้าพอรู้ภาษาจีนบ้างเพราะพี่เค้าเรียนเอกจีนพี่เค้าก็ไปชี้ๆสั่งเอาที่เค้าเตอร์ทำให้เราได้กินเพราะในร้านไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลย รสชาติอาหารเราให้ 10/10 ถึงแม้น้ำจิ้มจะไม่เหมือนบ้านเราแต่ไส้ของติ่มซัม ดีมาก กุ้งเน้นๆ สุดยอดดดดดดดด
กินเสร็จก็เข้าร้านสะดวกซื้อหาน้ำกินแก้เลี่ยน และก็ไปเจอชานมในตำนาน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเราก็เดินเล่นๆไปใกล้ๆเป็นเหมือนทะเลหรืออ่าวอะรัยซักอย่างไม่รู้จัก แต่วิวสวย อากาศดีเลยเดินไปชมบรรยากาศเล่นๆ
ดื่มดั่มกับบรรยากาศฟิน ๆ เสร็จก็เดินไปขึ้นรถใต้ดิน เดินทางกันต่อ สถานีต่อไป เราแพลนไว้จะไป วัดหว่องไท่ซิน Wong Tai Sin Temple
การเดินทาง
● วัดหว่องไท่ซิน Wong Tai Sin Temple ⌂ MTR:Wong Tai Sin ทางออก B3
⌛ เปิดบริการ 7.00-17.30 ทุกวัน (ฟรี)
● ออกจาก MTR:Wong Tai Sin ทางออก B3 ออกมาก็เจอกับห้างทางซ้ายมือ แต่วัดอยู่ขวามือเดินไปตรงเรื่อยๆก็จะเจอวัด
วัดหว่องไท่ซิน (Wong Tai Sin) หรือที่คนไทยติดปากว่า วัดหวังต้าเซียน เป็นวัดที่โด่งดังอันดับต้นๆ ของฮ่องกง เพราะมีความเชื่อว่าการได้มากราบไหว้ขอพรจากองค์เทพเจ้าหวังต้าเซียนจะทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ภายในวัดจะเป็นส่วนผสมระหว่างศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื้อ และลัทธิเต๋า
เจ้าของกระทู้เกิดปีแพะนะก็เลยถ่ายมาองค์เดียว
ภายในศาลจะมีรูปภาพของเทพเจ้าหว่องไท่ซิน ที่ได้นำมาจากประเทศจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915 รอบๆ วัดยังมีวิหารต่างๆ เช่น วิหารขงจื้อ ที่นิยมมาขอพรเรื่องการศึกษา ให้สอบเข้าโรงเรียน หรือมหาลัยที่หวังไว้ รูปปั้นเทพเจ้ากวนอูขอเรื่องความยุติธรรมการจัดผู้ที่ไม่หวังดีกับเรา ด้านหลังเป็นสวนแห่งโชคดี จำลองมาจากพระราชวังฤดูร้อนในปักกิ่ง ให้เดินเล่นถ่ายรูปสวยๆ กัน
อาจุมม่าน่าจะมาแก้บน
หลังจากไหว้พระขอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถานีต่อไป วัดนางชี : Chi Lin Nunnery และสวน Nan Lian Garden
การเดินทาง
⌂ MTR : Diamond Hill ทางออก C2
⌛ เปิดบริการ
► 1.วัดนางชี : Chi Lin Nunnery:9.00-16.30 ทุกวัน (ฟรี)
► 2.สวน Nan Lian Garden:7.00-21.00 ทุกวัน (ฟรี)
1.MTR : Diamond Hill ทางออก C2 จะเจอห้าง Plaza Hollywood ข้างหน้าเลย
2.เดินออกเลี้ยวขวามือไป
3.เห็นป้ายเดินตามป้ายไป Chi Lin Nunnery
4.ตรงไปเรื่อยแล้วข้าวถนนก็จะถึง
Nan Lian Garden จะเป็นสวนแบบจีนผสมกับญี่ปุ่นเป็นสวนที่เดินไปยังวัดนางชี:Chi Lin Nunnery สวนนี้สามารถเดินได้รอบๆเป็นวงกลมเลย ไม่น่าเบื่อเพราะแต่ละช่วงเปลี่ยนไปให้ชมมีทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านน้ำชา ร้านขายของและ สระบัว
(รูปเยอะหน่อยนะเพราะสวยจริงรัยจริง)
วัดนางชี : Chi Lin Nunnery นี้ตรงบริเวณด้านหน้าทางเข้าไปยังส่วนด้านในอีกชั้น สถาปัตยกรรมเป็นแบบราชวงค์ถังของจีน ตัวอาคารไม่มีการใช้ตะปูในการยึดเลย ก็เหมือนกับบ้านเรือนไทยของเราต่างกันที่สไตล์
หลังจากดื่มดั่มบรรยากาศเสร็จ สถานีต่อไป shopping Mong Kok เสร็จแล้วต่อด้วยการ ดู Avenue of Stars – Waterfront Promenade
แอบบอกนิดนึง ทีทพวกเราไปตามหากระเป๋า Doughnut bag เราได้แบบ sale ที่ราคา 200 HKD ซึ่งราคาดีมาก ใส่ Notebook ได้เลย
การเดินทาง
สาขา sham shui po อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า mtr สถานี sham shui po ออกทางประตู B2 (ออกมาจะเห็น 7-11อยู่ฝั่งตรงข้าม) ให้เลี้ยงขวา (เข้าสู่ fuk wa เดินไปประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ (เป็นตึกแถวสูงประมาณ 10 ชั้น)
(MRT) ไปลงสถานี Tsim Sha Tsui Exit F
The Sympony Of Light : เดอะ ซิมโฟนี ออฟ ไลท์
⌂ MTR:Tsim Sha Tsui ทางออก E หรือ East Tsim Sha Tsui ทางออก J
⌛ ทุกวัน เริ่มแสดง 20.00 (ระยะเวลาแสดง 10-15 นาที)
ไม่ได้เก็บภาพ The Sympony Of Light เพราะกล้องแบตหมด T-T
จบ Day3 แบบเมื่อยมาก……………………ขาจะหลุด 555
Day 4 10 Dec 2016 [Hongkong– Macau – Bangkok]
ตื่นเช้ามาเก็บกระเป๋า check out จาก โรงแรม รับประทานอาหารเช้าเสร็จสัพ เราก็รีบเดินทางไปที่ท่าเรือ HK China Ferry Terminal หรือ ท่าเรือ Kowloon
เรามาว่ากันเรื่องตั๋วเรือ รีบไปซื้อตั๋วกลัวไม่ทัน เรือรอบ 10.00 โมง และก็ไม่ทันจริง ๆ ไปที่เค้าเตอร์ เค้าบอกว่ามีรอบ 13.00 ซึ่งเราไม่รอ แต่!!!!!!!!!!!! เราเจอคนที่ไปซื้อตั๋วมาแล้วเอามาปล่อยต่อ ซึ่งๆจริงๆเราก็เจอตั้งแต่ขามา Macau – Hong Kong แล้ว แต่ตอนนั้นใกล้เวลาเรือออก เค้าเลยเอามาปล่อยเราแบบถูกมากกกกกกกกก สามใบ เค้าคิดเรา 500 HKD ซึ่งราคาจริง ๆ อยู่ที่ใบละ 189 HKD แต่ขากลับนี่สิ ซึ่งเราต้องการตั๋วและตั๋วหมด เจออาจุมม่าคนนึ่งยืนปล่อยตั๋วอยู่ ราคา ใบละ 250 HKD หุยยยยยยยย แพงมากต่อรองกันไปมาได้มาในราคา 200 HKD ซึ่งราคาจริงอยู่ที่ 177 HKD
ได้ขึ้นเรือสักที มาถึงมาเก๊าผ่าน ตม. เสร็จสัพ เดินข้ามฝั่งไปมีรถของโรงแรมต่าง ๆ มาคอยรับนักท่องเที่ยวฟรี ซึ่งเราก็มารอรถไป เวเนเชีย
กินข้าวเสร็จ มานั่งเล่น wifi ที่ starbuck แต่เราก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยมีคนจีนคนนึงมานั่งที่โต๊ะเราพร้มทั้งเอา iphone 6 plus มาขาย เนื่องจากเวเนเชียนเป็นคาซิโนทำให้มีนั่งพนันมาเล่นเป็นจำนวนมาก เราจับใจความได้ว่าเค้าหาเงินกลับบ้านไม่มีค่าตั๋วเครื่องบินเลยเอาโทรศัพท์มาขาย จำได้ว่าทีแรกขายประมาณ 20000 บาท คุยไปเรื่อย ๆ เห็นพวกเราไม่สนใจ ลดไปลดมาเหลือเครื่องละ 10000 บาท แต่พวกเรากลัวว่าเป็นของปลอม กลัวเครื่องขโมย เดี๋ยวติดรหัสใช้เครื่องไม่ได้ ก็เลยลุกแล้วเดินหนี แต่เค้าก็ตามเรา จนละความพยายามไปเอง คิดแล้วก็เสียดายเหมือนกัน 555
จากนั้นเดินออกจากเวเนเชียน ไปขึ้นรถเมล์ไปวัดอาม่า
การเดินทาง >> มีสาย 21A กับ 26 ขึ้นฝั่งเดียวกับ Venetian ครับ ออกจากประตู ให้เลี้ยวซ้าย 50 เมตร
วัดอาม่า หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์ร่า สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล ภายในมีศาลเจ้า และก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าบริเวณนี้คือจุดแรก ที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊า เมื่อถึงช่วงเวลาของเทศกาลอาม่า (A-Ma Festival) ในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมของทุกปี บรรยากาศที่นี่จะคึกคัก และมีการจัดแสดงเชิดสิงโตอย่างสนุกสนาน
อาม่าที่กราบไหว้กันนี้ ว่ากันว่าเป็นหญิงสาวชาวฟูเจียนชื่อ หลิงม่า วันหนึ่งนึกอยากจะข้ามฝั่งมาที่คาบสมุทรเอ้าเหมิน ซึ่งหมายถึงดอกลิลลี่ขาว เธอจึงขอโดยสารมากับเรือเล็ก ๆ ลำหนึ่งของชายชราชาวประมง แต่พอเรือมาถึงกลางทะเลก็เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือหลายลำล่มจมลง แต่เรือของหลิงม่าก็มาถึงฝั่งได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเธอก้าวเท้าเหยียบฝั่ง เธอก็ตัวลอยขึ้นและหายลับไปในฟากฟ้า ชาวประมงทั้งหลายก็เลยเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล เลยเรียกดินแดนตรงนี้ว่า A-Ma Goa หมายถึง อ่าวของอาม่า นาน ๆ เข้าเสียงก็เปลี่ยนไปเป็น มาเก๊า
ที่อยู่ : Barra Square
เปิดให้เข้าชม : 07.00 – 18.00 น.
เสร็จจากวัดอาม่า เราก็เดินมั่ว ๆ หลง ๆ ไปซากโบสถ์เซนต์ปอล
โบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเรื่องราวเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ
ระหว่างทางเจอ shop NARAYA ด้วย
ถึงซักที…ระหว่างทางชิมหมูสวรรค์ไปเรื่อยๆ จนเกือบอิ่ม ซื้อทาร์ตไข่กิน 1 ชิ้น อิ่มพอดี
เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ตั้งอยู่ติดกับวิทยาลัยเซนต์ปอล ของคณะนักบวชเยสุอิต (The Jesuit College of St. Paul’s) ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งแรกของชาวตะวันตกในแดนตะวันออกไกล ซากโบราณสถานที่ยังหลงเหลืออยู่ของวิทยาลัยเซนนต์ปอล คือประจักษ์พยานการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งตะวันตกในภูมิภาคตะวันออกไกล ประตูโบสถ์เซนต์ปอล หมายถึง ด้านหน้าที่ยังหลงเหลืออยู่ของโบสถ์มาแตร์ เดอี (Church of Mater Dei) ประตูโบสถ์ที่หลงเหลืออยู่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นการผสมผสานองค์ประกอบของงานสถาปัตยกรรมทั้งสไตล์จีนและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างสวยงามเป็นสถานซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า
จากนั้น ก็ เดินทางกลับไปที่เวเนเชียนโดยรถเมล์ ซึ่งช่วงนั้นเวเนเชียวมีการแสดงไฟส่องไปที่กำแพงพร้อมดนตรีพอดี สวยงามมาก
เอากระเป๋าที่ฝากและ รอรถฟรีจากเวเนเชียน ไปสนามบิน จบทริปครับ….ขอบคุณที่ติดตามครับ